วันพุธที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2560

เล่นน้ำสงกรานต์เยี่ยงไรถึงจิถืกต้ม


 



เล่นน้ำสงกรานต์เยี่ยงไรถึงจิถืกต้ม



เมื่อวันที่ 4 เม.ย.60 ผู้ว่าราชการจังหวัด กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบูรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์ ได้ประกาศนโยบายเกี่ยวกับการเล่นน้ำสงกรานต์ปีนี้ว่า จะขอความร่วมมือประชาชนให้เล่นน้ำสงกรานต์ภายใต้ มาตรการ 5ป........อ่านซะจะได้รู้เรื่อง





มาตรการ 5ป. ที่ว่าคือ
1. ปลอดปืนฉีดน้ำขนาดใหญ่
2. ปลอดแอลกอฮอล์
3. ปลอดโป๊
4. ปลอดแป้ง
5. ประหยัดน้ำ รวมทั้งไม่ฉวยโอกาสลวนลามผู้อื่น
* อันนี้เป็นของแถมที่ประกาศทีหลัง: ห้ามรถเล่นสงกรานต์เข้า 61 เส้นทางทั่ว กทม. ส่วนจะเป็นถนนเส้นไหนบ้างนั้น อ่านได้จากเว็บนี้...จบข่าวสั้น

แต่ถ้าใครยังไม่เข้าใจว่าถ้าทำตาม 5ป. ที่ว่าแล้วจะเล่นสงกรานต์ยังไง คุณก็ดูภาพหัวเรื่องข้างบนเป็นตัวอย่าง...แบบนั้นเลยถึงจะเรียกว่าแม่นแท้แน่นวล เป็นประเพณีสงกรานต์ที่เข้ากันได้ดีกับวิถีชีวิตประจำวันของคนไทย เสื้อผ้าหน้าผมและสถานที่ต้องพิถีพิถัน ให้สมกับสโลแกนที่ว่า วัฒนธรรมไทย เมืองไทยนั้นเลอค่า เปรียบดั่งเพชรเม็ดงามลอยเท้งเต้งอยู่บนนภา


ดูภาพแล้วก็ยังไม่เก็ทอีก อ่านรายละเอียดต่อไปนี้

1. สงกรานต์ไทยต้องแต่งตัวแบบไทยๆ: การแต่งตัวให้เข้ากับประเพณีสงกรานต์ต้องไม่โป๊ ข้อนี้ผู้ชายผ่านไปเลยเพราะคำว่า"โป๊" ในมโนจริตแบบไทยๆไม่ได้โฟกัสเรื่องมากอะไรกับพวกคุณ, ส่วนสาวๆแนะนำให้แต่งชุดไทยตามตัวอย่างการแต่งกายของนางเอกละครแนวจักรๆวงๆที่เขาทำให้เด็กๆดู หรือถ้าใครไม่ชอบดูละครนึกไม่ออก ก็ให้ดูภาพข้างล่างนี้เป็นแนวทาง, แต่โดยส่วนตัวผมคิดว่าแต่งแบบภาพที่3(ขาวดำ)ดีที่สุด เพราะรุ่นทวดของทวด ของย่า ของยาย ของยายทวด ของพวกเราก็แต่งกันแบบนี้แหละ แถมยังเข้ากันได้ดีกับนโยบายอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยที่รัฐบาลชู ไปกันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยกับการแต่งกายแบบพอเพียงด้วย....โอ้โฮ้! เพอร์เฟ็ค เป๊ะเวอร์





2. อย่าไปสุมหัวกันเล่นน้ำในที่ชุมชน ตามตรอกข้าวสารข้าวปุ่น RCA พระปะดงปะแดง ตามถนนรนแคมเลิกให้หมด, ต่อไปใครอยากเล่นสงกรานต์ก็ให้จับกลุ่มกันเตรียมน้ำคนละขัน (ลืมหรือยัง ห้ามใช้ขันสีแดงเพราะมันเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ) จากนั้นก็ออกเดินทางไปเล่นกันกลางทุ่งลาเวนเดอร์

3. สุขสันต์คิ๊กคักกันพองามแบบไทยๆ เวลาจะหัวเราะก็ให้ทำหน้าเอียงเล็กน้อย จากนั้นก็ยกผ้าเช็ดหน้าบังปากไว้ เสียงไม่ดังรบกวนชาวบ้าน ปัญหารถติดในเมืองก็ไม่เกิด, รอบข้างก็หอมตลบอบอวลไปด้วยดอกไม้ ไม่จำเป็นต้องซื้อแป้งมาปะพรมให้วุ่นวาย...ฮู๊ยยย!! ดีออก.

4. เวลาจะรดน้ำกันก็ใช้ขันใบเล็กๆแล้วค่อยๆหยอดช้าๆ....อ๊ะๆๆๆ! ย้ำนะว่า "หยอดช้าๆ"  หรือถ้าไม่อยากจะเรื่องมากก็เอานิ้วจุ่มลงในขันน้ำจากนั้นก็ดีดใส่กันเบาๆทีละหยดสองหยด อย่าไปกระโตกกระตากเดี๋ยวภาพลักษณ์ความเป็นไทยจะเสียหาย มันดูไม่ดีไม่งาม, แบบนี้ประหยัดน้ำชัวร์ ส่วนน้ำที่ใช้ไปแล้วก็จะเป็นการรดดอกไม้ ยิงปืนครกนัดเดียวได้นก2ตัว หวังผลระยะยาวอีกหน่อยทุ่งลาเวนเดอร์ก็จะได้บานสะพรั่งกันท่วมแผ่นดิน คนทั้งโลกจะได้ขนานนามเมืองไทยว่าเป็น Lavender Land โอ้! นอกจากในน้ำจะปลาซิวปลาสร้อยน่ารักจิ๋มจิ๋ม ในนาก็มีข้าวราคาแสนถูก บ้านเมืองของเราก็ยังพร่างพรูไปด้วยทุ่งลาเวนเดอร์งามงดไม่แพ้ชาติใดในโลก

5. เรื่องลวนลามล้วงลูปคลำอะไรนี่ไว้ใจได้ เพราะสยามเมืองปุ๊ดของพวกเรา ทุกคนล้วนแต่มีจิตใจโอบอ้อมอารียิ้มแย้มแจ่มสิวจะตายห่าอยู่แล้ว ส่วนพฤติกรรมเฮงๆซวยๆอะไรแบบในภาพตัวอย่างข้างล่างนี้คนไทยไม่ทำแน่นอน, เท่าที่สืบดูว่ากันว่าเป็นการเล่นน้ำสงกรานต์ของประเทศที่อยู่แถวๆทิศตะวันตกของประเทศกัมพูชาอะไรนี่แหละ





การเสพความสุขอย่างง่ายโดยการลดทอนสติของตัวเองให้อยู่ในสภาวะ "ไม่เต็มบาท" ด้วยการก๊งเหล้ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เห็นกันได้ในวิถีชีวิตประจำวันของชาวไทยที่สืบทอดกันมานานจากรุ่นสู่รุ่น จนกลายเป็นอัตลักษณ์ประจำชาติอย่างหนึ่ง หรือถ้าใช้ศัพท์แสงทางวิชาการให้ฟังดูระรื่นหูขึ้นมาหน่อยก็ต้องบอกว่ามันเป็น "สันดาน" ไปแล้ว คนชอบดื่มก็คือคนชอบดื่มส่วนคนไม่ชอบก็คือไม่ชอบ นิสัยของคนเรามันแก้ไขกันได้ยาก เพราะฉะนั้นเรื่องนี้คนเขียนไม่มีคำแนะนำอะไรเป็นพิเศษ ใครใคร่แดกก็แดกไป ส่วนใครจะแดกมากแดกน้อย หรือไม่แดกเลยอย่างไรนั้นคิดกันเอง







==================================

Note:

สงกรานต์ไม่ใช่เป็นประเพณีของคนไทยเพียงชาติเดียวครับ เรื่องนี้ไม่ใช่ความรู้ใหม่ แต่ผมก็อยากเผยแพร่ ผลิตซ้ำความเข้าใจประเพณีนี้ในมุมมองที่กว้างกว่าชุดความคิดแบบเดิมๆที่เน้นความเป็นไทยเป็นศูนย์กลางของจักรวาลออกแสงเรืองรองแต่เพียงชาติเดียว, ยังมีอีกหลายๆประเทศที่ต่างก็มีสงกรานต์เหมือนกัน, เพื่อนบ้านของเรา เมียนม่า,ลาว, กัมพูชา และอีกหลายประเทศก็มีสงกรานต์  ถึงแม้ชื่อที่ใช้เรียกอาจจะไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ก็เพี้ยนแปล่งไปตามภาษาของชาตินั้นๆ เอาแค่ชื่อที่คนไทยเรียก "สงกรานต์" ก็เป็นภาษาสันสกฤตมาจาก "สงฺกฺรานฺติ" (สัง_กราน_ติ) แปลว่าเคลื่อนไป ไม่ได้แปลว่าขึ้นปีใหม่ อย่างที่หลายคนเชื่อต่อๆกันมา

สงกรานต์มีรากเหง้ามาจากอินเดียพราหมณ์-ฮินดู  แต่เมื่อมันถูกเผยแพร่ไปเป็นวัฒณธรรมของอีกหลายๆชาติ (ที่มักจะนับถือศานาพุทธ, พราหมณ์-ฮินดู) ก็จะมีการผสมผสานกับวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่นเข้าไปด้วย...ถ้าให้ผมอธิบายสั้นๆไม่ เกิน 7บรรทัด 120ตัวอักษร เพื่อให้คนอ่านโป๊ะเชะถึงบางอ้อเลยอะไรทำนองนั้น ผมทำไม่ได้หรอก, แต่ใครสนใจแนะนำให้ศึกษาจาก 1.บทความ กับอีก 3.วีดีโอข้างล่างนี้



- youtube VDO เสวนาวิชาการในธรรมศาสตร์ เนื่องจากมีวิทยากรหลายคน ผู้เผยแพร่เลยแบ่งวีดีโอเป็น3ตอนครับ


เสวนาวิชาการ “สาดน้ำสงกรานต์ วัฒนธรรมร่วมรากเอเชีย” 1/3






เสวนาวิชาการ “สาดน้ำสงกรานต์ วัฒนธรรมร่วมรากเอเชีย” 2/3https://www.youtube.com/watch?v=_6xcPJIvnsM





เสวนาวิชาการ “สาดน้ำสงกรานต์ วัฒนธรรมร่วมรากเอเชีย” 3/3 https://www.youtube.com/watch?v=V1EgxED1hfE